ความสำคัญของการเรียนรู้
ชาญชัย
อินทรประวัติ (http://www.kroobannok.com/blog/45566 ) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับหลักการสำคัญของการเรียนรู้ ไว้ว่า มีหลักการอยู่ 4 ประการดังต่อไปนี้
1. ผู้เรียนควรจะมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างจริงจัง (Active Participation) หมายความว่า เมื่อครูสอนนักเรียนก็จะต้องมีส่วนร่วมในกิจกรรมการสอนของครูทั้งกายและใจ นักเรียนที่นั่งเหม่อลอยหรือนั่งหลับในขณะที่ครูสอนถือว่าไม่มีส่วนร่วมมากนัก
นักเรียนที่ไม่ยอมคิดเมื่อครูถามคำถามก็ถือว่า ไม่มีส่วนร่วมในการเรียนการสอน
นักเรียนที่ลอกการบ้านเพื่อนแทนที่จะทำเอง
ถือว่ามีส่วนร่วมเหมือนกันแต่ไม่เข้าขั้น active นักเรียนที่เข้าห้องปฏิบัติการแต่ไม่ยอมทำอะไรเองคอยอาศัยแต่เพื่อน
ก็ถือว่าไม่มีส่วนร่วมอย่างจริงจังเช่นกัน ครูจำนวนไม่น้อยที่ชอบคิดว่าพฤติกรรมการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังนี้เป็นหน้าที่ของผู้เรียนโดยตรง
เพราะครูมีหน้าที่สอนเท่านั้น เข้าทำนองที่ว่า “นี่คือเรื่องของเธอ”
“เรื่องของฉันคือสอน เรื่องของเธอคือเรียน” แท้ที่จริงแล้ว
ส่วนหนึ่งของการสอนก็คือการทำให้นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างจริงจังนั่นเอง
2. ผู้เรียนควรจะได้เรียนรู้ทีละขั้นทีละตอนจากง่ายไปสู่ยากและจากไม่ซับซ้อนไปสู่รูปที่ซับซ้อน (Gradual approximation) ตัวอย่างเช่น เด็ก ๆ
ต้องบวกลบเลขเป็นเสียก่อนจึงจะสามารถเรียนรู้การคูณและการหาร คนเราต้องพูดเป็นคำ ๆ
ได้เสียก่อนจึงจะสามารถพูดเป็นประโยคได้ หรือต้องเดินให้ได้เสียก่อน
แล้วจึงวิ่งค่อยเหยาะ ๆ จากนั้นจึงวิ่งเร็ว ๆ เช่นนี้เป็นต้น
ครูที่หวังจะสอนนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้จึงต้อง รู้จักแบ่งเนื้อหา
และจัดลำดับเนื้อหาตามความยากง่าย แล้วจึงนำมาสอนทีละขั้นทีละตอนอย่างเหมาะสม
3.ให้นักเรียนได้รับข้อมูลย้อนกลับที่เหมาะสมและไม่เนิ่นนานจนเกินไป (Immediate feedback) เมื่อนักเรียนได้ทำกิจกรรมตามคำแนะนำหรือคำสั่งของครูไป
แล้วเขาก็มักอยากจะ รู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้วหรือยัง
ถ้าเขาได้รับข้อมูลย้อนกลับทันการและเหมาะสมเขาก็จะเกิดการเรียนรู้
ที่ดีรวมทั้งเกิดความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ต่อไป
แต่ถ้าเขาไม่ได้รับข้อมูลย้อนกลับหรือต้องคอยเป็นเวลานานจึงจะได้รับเขาจะเกิดการเรียนรู้น้อย
และในขณะเดียวกันความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ก็จะมีไม่มาก
เพราะฉะนั้นครูจึงควรให้คำแนะนำให้เร็วที่สุดเมื่อนักเรียนเกิดความไม่เข้าใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่งที่การให้ข้อมูลย้อนกลับก็คือนอกจากจะต้องไม่ปล่อยให้เนิ่นนานเกินไปแล้ว
ครูต้องบอกเขาด้วยว่าสิ่งที่เขาทำนั้น “ถูกต้องอย่างไร” และ “ยังไม่ถูกต้องอย่างไร” ไม่ใช่เพียงแต่บอกว่าถูกหรือผิดเท่านั้น นอกจากนั้น วิธีบอกหรือ Approach ของครูก็ควรจะไม่ทำลายความรู้สึกดี ๆ ของเด็กด้วย
4. การเสริมแรงหรือให้กำลังใจที่เหมาะสม (Appropriate
Reinforcement) ผู้เรียนทุกคนไม่ว่าอายุมากหรืออายุน้อย
ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนต้องการกำลังใจหรือการเสริมแรงเพื่อให้ฟันฝ่าอุปสรรค
แสวงหาความรู้ต่อไป ซึ่งการให้กำลังใจของครูอาจจะกระทำได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น เมื่อเด็กพยายามจะเล่าถึงความสำเร็จในการเรียนรู้ของเราเองให้ครูฟัง
ครูก็ควรต้องมีเวลาฟังการเสริมแรงหรือการให้กำลังใจที่ดีจะต้องมีความพอเหมาะพอสมกับผลงานคือ
ไม่ชมเชยจนเกินความเป็นจริง เพราะจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือ
แต่ก็ต้องไม่น้อยจนเกินไป สำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาอาจจะไม่ต้องพูดชมเชยด้วยก็ได้เพราะเขาโตแล้ว
วารินทร์
สายโอบเอื้อ (2529:42) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับลักษณะสำคัญของการเรียนรู้ไว้ดังนี้
1. การเรียนรู้เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเปลี่ยนแง่ดี
หรือไม่ได้ก็ได้ ดังนั้น การเรียนรู้จึงมีความหมายกว้างกว่า การศึกษา
เพราะการศึกษานั้นเป็นการจัดระบบการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนรู้เปลี่ยนพฤติกรรมไปในที่ดี
การศึกษาจึงหมายเฉพาะด้านดีเท่านั้น
ส่วนการเรียนรู้อาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้
2. การเรียนรู้จะต้องเป็นผลมาจากประสบการณ์หรือการฝึกหัด ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
เช่น อ้วนขึ้น ผอมลง สูงขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากเป็นไข้
ติดเชื้อบางอย่างหรือร่างกายได้รับบาดเจ็บ หรือพิการ ไม่ถือว่าเป็นการเรียนรู้
3. การเปลี่ยนแปลงที่เนื่องมาจากการเรียนรู้นั้นจะต้องมีลักษณะค่อนข้างถาวร
คือมีความคงทนเป็นระยะเวลานาน ดั้งนั้นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น ความเหนื่อย
การติดเชื้อบางอย่าง การเปลี่ยนแปลงเพราะฤทธิ์ของยา จึงไม่ใช่การเรียนรู้
เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวเท่านั้นดังได้กล่าวมาแล้วว่าขบวนการเรียนรู้มีลักษณะเช่นเดียวกับขบวนการพัฒนาการ
กล่าวคือ เป็นในลักษณะเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ
และความสำคัญในการกระทำกิจกรรมต่างๆซึ่งเป็นขบวนการที่ต่อเนื่องสะสมกันไปตลอดชีวิต
ดังนั้น พฤติกรรมและความสามารถด้านต่างๆของคนเราในปัจจุบันเป็นผลมาจาก
สรรถภาพตามธรรมชาติหรือพันธุกรรม ระดับวุฒิภาวะ (Maturity)
และผลจากการเรียนรู้ในอดีตด้วย
พงษ์พันธุ์ พงษ์โสภา (2542:79) ได้ให้ความหมายเกี่ยวกับหลักการสำคัญของการเรียนรู้
ไว้ว่า การเรียนรู้ (Learning)
เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิต
การเรียนรู้จะช่วยให้คนเราสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตหรือสามารถปรับตัวเราให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้น คนเราจึงต้องมีการเรียนรู้อยู่เสมอและเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้เอง
นักจิตวิทยา ครู อาจารย์ ตลอดถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงของการศึกษา
จึงให้ความสนใจเรื่องของการเรียนรู้เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เพราะชีวิตความเป็นอยู่
และการประพฤติของคนเราจะเป็นไปในรูปแบบใด ย่อมขึ้นอยู่กับการเรียนรู้เป็นสำคัญ
สรุป
ความสำคัญของการเรียนรู้ หมายถึง การเรียนรู้นั้นมีความสำคัญต่อทุกคน ไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหน ก็ย่อมนำการเรียนรู้นั้นไปใช้ในชีวิตประจำวัน
เพราะคนเราทุกคนนั้นย่อมที่จะเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆความรู้ใหม่ๆให้กับตัวเองเ
เพื่อที่ตัวเรานั้นจะได้เพิ่มพูนความรู้ เปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตหรือสามารถปรับตัวเราให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราได้อย่างเหมาะสม
ดังนั้น
การเรียนรู้จึงมีความสำคัญกับเราและการเรียนรู้นั้นจะอยู่กับเราไปอย่างต่อเนื่องหรือตลอดชีวิตนั่นเอง
ที่มา
ชาญชัย
อินทรประวัติ.[online] http://www.kroobannok.com/blog/45566.
ความสำคัญของการเรียนรู้.สืบค้น25/06/58.
พงษ์พันธุ์ พงษ์โสภา.(2529).จิตวิทยาการศึกษา .กรุงเทพมหานคร
: สำนักพิมพ์
พัฒนาการศึกษา.
วารินทร์
สายโอบเอื้อ.(2542).จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์สยามยู
เนี่ยน พริ้นติ้ง.